ปัญหาหนึ่งที่ทำให้เอสเอ็มอีของไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเติบโตจากบริษัทเล็กๆไปเป็นบริษัทขนาดกลางหรือใหญ่ เกิดจากผู้ประกอบการรายเล็กๆไม่ได้ให้ความสำคัญในการทำโฆษณาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้ตรายี่ห้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่เข้มแข็ง ลูกค้าไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้ตลาดไม่เติบโต ปัญหาเหล่านี้อาจมีปัจจัยมาจากเจ้าของกิจการบางคนไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร จะใช้บริการบริษัทโฆษณาก็ไม่กล้า เหตุเพราะด้วยงบประมาณอันมีจำกัด
เบื้องต้นเราจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บริษัทโฆษณาปัจจุบันมีมากมายหลากหลาย ตั้งแต่บริษัทโฆษณาขนาดใหญ่ที่มีรายรับเป็นหลักพันล้าน จนถึงบริษัทโฆษณาแบบ Home office ที่มีรายรับปีละไม่กี่แสน ซึ่งบริษัทโฆษณาเหล่านี้จะหามาทำงานให้เราได้ไม่ยาก หากแต่จะเลือกอย่างไรให้ได้ผลคุ้มกับเงินที่เสียไปนั้นเป็นเรื่องยากกว่า จึงมีข้อแนะนำในการเลือกใช้บริษัทโฆษณาดังนี้
อันดับแรก การเลือกบริษัทโฆษณาควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณ และขนาดของกิจการ หากเป็นบริษัทโฆษณาเล็กๆ มีงบประมาณโฆษณาปีละต่ำกว่า 10 ล้าน ไม่ควรใช้หรือมองหาบริษัทโฆษณาใหญ่ๆ ระดับ Top ten เนื่องจากอาจจะทำให้งบประมาณบานปลาย การติดต่อสื่อสารอาจล่าช้าจากระบบการทำงานแบบบริษัทใหญ่ ทีมงานที่มาดูแลอาจจะเป็นเด็กจบใหม่ ครีเอทีฟใหม่ ที่บริษัทอยากให้มาหาประสบการณ์มากกว่า หากเราไปจ้างบริษัทโฆษณาขนาดเล็กๆที่ เจ้าของบริษัทส่วนมากมักเคยมีประสบการณ์ในบริษัทโฆษณาใหญ่ๆ มาก่อน แล้วโดนออกในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ หรือบ้างก็ไฟแรงฝีมือดี แต่ไม่อยากเป็นลูกจ้างเลยออกมาทำธุรกิจเอง ซึ่งบริษัทโฆษณาเล็กๆหลายบริษัท บางแห่งคิดงานได้ดีไม่แพ้บริษัทโฆษณาใหญ่ๆ ที่หากเราไม่ใหญ่จริงในด้านงบประมาณโฆษณาการต่อรองจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
บริษัทโฆษณาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะมีตัวอย่างผลงานเก่าๆ ที่เคยทำเก็บไว้เอามาให้เราดูเป็นตัวอย่าง จะให้เราได้เห็นแนวความคิด การทำงาน ผลงานที่ผ่านมา ว่าเป็นไปอย่างที่เราต้องการไหม เคยมีประสบการณ์ในกลุ่มสินค้าที่ใกล้เคียงกับสินค้าของเราไหม เพื่อประกอบการตัดสินใจ ตัวอย่างเหล่านี้ทำให้ไม่ต้องอธิบายถึงโครงสร้างตลาดกันใหม่หมด และโดยมารยาททางธุรกิจแล้ว หากบริษัทโฆษณาเหล่านั้นทำงานให้บริษัทที่เป็นคู่แข่งของเรา เขาจะต้องแจ้งให้เรารับทราบก่อน และจะไม่รับงานเรา ด้วยเหตุผลด้านความลับของลูกค้า แต่เพื่อความแน่ใจ เราสามารถถามได้ว่าบริษัทโฆษณาเหล่านั้นทำงานให้บริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกับเราอยู่หรือเปล่า
เมื่อเลือกบริษัทโฆษณาที่จะทำงานให้เราได้แล้ว ขั้นตอนที่มีความสำคัญมากที่จะทำให้งานโฆษณาออกมาได้ผลดีก็ คือการให้ข้อมูลทางการตลาดกับบริษัทโฆษณา ในธุรกิจนี้เราเรียกกันว่า Advertising Brief หรือ Marketing Brief ซึ่งข้อมูลสำคัญที่ต้องแจ้งกับบริษัทโฆษณาก็คือ
- วัตถุประสงค์ของการโฆษณา : เช่น เป็นสินค้าใหม่ อยากให้ลูกค้ารับรู้ว่ามีสินค้านี้ หรืออยากสร้างภาพลักษณ์ของยี่ห้อให้ดูทันสมัย มีคุณภาพ ยิ่งมีวัตถุประสงค์ชัดเจนเท่าไรยิ่งทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น
- งบประมาณ : อันนี้เป็นข้อสำคัญ เราควรกำหนดงบประมาณในการทำงบประมาณอย่างชัดเจน และให้บริษัทโฆษณาได้ลองไปทำแผนมาเสนอ หากเราไม่ชอบก็สามารถขอปรับเปลี่ยนได้ หากเรามีกำหนดงบประมาณอย่างชัดเจน ก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณบานปลายอย่างแน่นอน
- ลูกค้า : ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของโฆษณาเป็นใคร มีพฤติกรรมการซื้อ การใช้สินค้าอย่างไร ยิ่งระบุกลุ่มเป้าหมายชัดเจน และมีข้อมูลด้านพฤติกรรมประกอบมากเท่าไร บริษัทโฆษณายิ่งทำงานง่ายและได้ผลมากขึ้นเท่านั้น ไม่ควรตอบกว้างๆ เช่น ใครก็ได้หรือทุกคนที่เป็นลูกค้า ระบุแบบนี้จะทำให้ทำโฆษณาออกมายาก
- ระยะเวลา : คิดว่าจะให้โฆษณาออกมาในช่วงเวลาไหน งบประมาณทั้งหมดจะใช้ในช่วง 6 เดือน 9 เดือน หรือ 1 ปี เริ่มเมื่อไร ฤดูการขายของสินค้าเป็นอย่างไร ช่วงไหนที่บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือจัดรายการส่งเสริมการขายที่ต้องใช้โฆษณามาสนับสนุน
- สื่อที่ใช้ : อยากใช้สื่ออะไรบ้างตั้งแต่ โทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โปสเตอร์ ไดเร็คเมล์ ป้ายรถเมล์ ดูจากงบประมาณที่กำหนด
- จุดขายของสินค้า : ข้อมูลส่วนนี้มีความสำคัญมาก หากเจ้าของสินค้าไม่สามารถบอกได้ว่าสินค้าของตนมีจุดเด่น หรือจุดขายที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างไร ต้องการให้บริษัทโฆษณาช่วยคิดให้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว เพราะโฆษณาที่ดีต้องมีฐานมาจากข้อเท็จจริง อีกทั้งคู่แข่งก็ยังทำหน้าที่ตรวจสอบแทนลูกค้าอีกด้วย
ทั้งหมดเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ต้องเตรียมให้แก่บริษัทโฆษณา ยิ่งมีข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย ครบถ้วน งานโฆษณาจะยิ่งออกมามีประสิทธิภาพ และที่สำคัญถ้าเลือกใช้บริษัทโฆษณาแล้วต้องเชื่อในความเป็นมืออาชีพของบริษัทที่เลือกด้วย
Copyright @2015 K Innovation.co.th All rights reserved